จิตวิทยากับการเพิ่มผลผลิต ตอนที่5 "จำใจต้องลงโทษ"
บทความโดย : อ.บรรณวิท มณีเนตร
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554
เชื่อว่าหัวหน้างานทุกคนคงไม่มีใครอยากลงโทษลูกน้องตัวเอง ถ้าหัวหน้างานบอกว่าชอบ สะใจ
ที่ได้ลงโทษลูกน้อง คนๆ นั้นคงไม่ใช่หัวหน้างานที่ดี
การลงโทษเป็นสิ่งที่หัวหน้างานทุกคนพยายามหลีกเลี่ยง เพราะการลงโทษส่งผลให้เกิดความไม่ชอบ
ไม่พึงพอใจของลูกน้องที่มีต่อหัวหน้า เมื่อลูกน้องไม่ชอบไม่พอใจหัวหน้าอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ
การทำงานของลูกน้องได้ หัวหน้าหลายคนกลัวเรื่องนี้จึงหลีกเลี่ยงที่จะไม่ลงโทษ
ในขณะที่มีหัวหน้าบางคนไม่ต้องการลงโทษลูกน้อง เพราะต้องการสร้างภาพว่าตัวเองเป็นที่พึ่งพิง
ของลูกน้องได้ บางครั้งไม่ใช่ลูกน้องตัวเองยังอุตส่าห์ไปยุ่งกับเขา ไปออกความเห็นกับลูกน้องของแผนกอื่น
ว่าไม่ถูกต้อง ลงโทษอย่างนี้ไม่ดี อย่างนั้นไม่ถูก เพราะอยากให้ลูกน้องคนอื่นรักตัวเองมากๆ
ถ้าหัวหน้าไม่กล้าลงโทษลูกน้องแล้วจะมีหัวหน้าเอาไว้ทำไม
การลงโทษไม่ใช่เกิดจากความสะใจ สนุก หรือบ้าอำนาจ แต่การลงโทษคือ การบอกกับผู้ที่ถูกลงโทษ
ว่า “พฤติกรรมที่คุณทำนี้ ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ต้องการให้ลดพฤติกรรมนี้ลง เราจึงต้องลงโทษคุณ” ดังนั้น
การลงโทษต้องไม่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเหตุและผลมากกว่า หัวหน้างานคนใดที่ไม่กล้าลงโทษ
ลูกน้อง นั่นก็เท่ากับว่าท่านกำลังส่งเสริมให้ลูกน้องท่านทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ลองคิดง่ายๆ ถ้าท่านขับรถและกำลังรอกลับรถอยู่เลนขวาสุด ซึ่งมีคุณตำรวจกำลังอำนวยความสะดวก
อยู่ ในขณะนั้นอยู่ดีๆ ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งแซงซ้ายขึ้นมาแล้วเลี้ยวกลับรถแทรกรถคันหน้าสุด แต่ตำรวจที่อยู่
ในบริเวณนั้นไม่ทำอะไร ยืนเฉยๆ ท่านจะรู้สึกอย่างไร
“ตำรวจทำถูกแล้ว” หรือว่า “อะไรกันนี่ ทำอย่างนี้ได้ไง ครั้งหน้าเราไม่มาต่อแถวแบบนี้แล้ว”
จะเห็นว่าการลงโทษ เป็นสิ่งจำเป็นที่หัวหน้างานต้องทำเพื่อบอกกันลูกน้องว่า สิ่งที่เราไม่อยากให้
เกิดขึ้นคืออะไร การไม่บอกเท่ากับท่านกำลังส่งเสริมให้เขาทำพฤติกรรมที่ท่านไม่ชอบนั้น ในขณะที่ลูกน้อง
คนอื่นๆ ก็จะเห็นว่า ท่านไม่ว่าอะไรก็จะยิ่งเอาอย่างแล้วทำพฤติกรรมนั้นๆ อีก
การลงโทษก็เพื่อปรับพฤติกรรมของผู้ถูกลงโทษ การลงโทษจึงเป็นสิ่งจำเป็นพอๆ กับการ
ให้รางวัล
เราควรทำอย่างไรถึงจะลงโทษได้อย่างถูกต้อง
ข้อแรกท่านต้องทำใจของท่านเองก่อนว่า การลงโทษ
นี้เพื่อปรับพฤติกรรม ไม่ใช่การลงโทษเพราะท่านโกรธ โมโห ไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่แล้วหาเรื่องลงโทษ การ
ลงโทษจึงต้องมีสติไม่ใช้อารมณ์ ถ้ายังมีอารมณ์อยู่อย่าลงโทษ (ท่านต้องถามตัวท่านเองก่อน)
ข้อสอง เมื่อท่านทำใจให้ไม่โกรธได้แล้ว ท่านต้องกำหนดว่าพฤติกรรมอะไรคือ พฤติกรรมที่ท่านต้อง
ลงโทษเช่น การมาสายเป็นพฤติกรรมที่ท่านต้องการปรับ ดังนั้นเราจะลงโทษที่พฤติกรรมนี้ไม่ใช่พฤติกรรมอื่น
ข้อสาม ท่านต้องกำหนดมาตรการลงโทษที่เหมาะสมกับพฤติกรรมที่เลือกไม่หนักเกินไป ระยะเวลา
เท่าไร และที่สำคัญท่านต้องแน่ใจว่าโทษที่ท่านให้นั้นเป็นโทษในสายตาของคนรับไม่ใช่การให้รางวัลแทน
&nb
sp; ข้อสี่ บอกผู้ที่ถูกลงโทษให้ชัดเจนว่า ท่านลงโทษเขาที่พฤติกรรมอะไร ต้องการให้เขาปรับอย่างไร
ลงโทษนี้เขายอมรับหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับ มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดคุยกันไหม เพราะฉะนั้นเขาต้องยอมรับในการ
ลงโทษนั้นๆ ถ้าไม่ยอมรับมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงอะไรบ้างที่เขาจะทำเพื่อไม่ต้องลงโทษ
ข้อห้า ติดตามพฤติกรรมหลังลงโทษว่า พฤติกรรมที่ท่านกำหนดไว้เช่น การมาสายนั้นมีจำนวนครั้ง
ที่ลดลงหรือไม่ ถ้าไม่ลดแสดงว่าการลงโทษของท่านมีปัญหาแล้วให้ท่านกลับไปขั้นตอนที่ 1 ใหม่ แต่ถ้าลดลง
ท่านควรพิจารณาให้รางวัลเขาเช่น คำชม เพื่อให้เขาคงพฤติกรรมนั้นๆ เอาไว้ต่อไป
การลงโทษจึงไม่ใช่เรื่องอารมณ์แต่เป็นเหตุผล คนเราทำอะไรก็ด้วยเหตุผลทั้งนั้น สัปดาห์หน้าผมจะ
อธิบายเรื่องของเหตุผลกับอารมณ์ว่าระหว่างการลงโทษกับการให้รางวัล อะไรใช้ในการปรับพฤติกรรม
ได้ดีกว่ากัน